การรับสมัครสมาชิก


การดำเนินการของพรรคการเมือง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ 


ขั้นตอนการรับสมัครสมาชิกพรรคการเมือง

- ที่ทำการสำนักงานใหญ่พรรค

- ที่ทำการสาขาพรรค

- ที่ทำการตัวแทนพรรคการเมือง

  ประจำจังหวัด (ถ้ามี)

- กรรมการบริหารพรรค  กรรมการสาขาพรรค ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด


เอกสารการประกอบการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคการเมือง

(๑)  สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (ที่ยังไม่หมดอายุ)

(๒)  สำเนาทะเบียนบ้าน

(๓) สำเนาหนังสือสำคัญการแปลงสัญชาติกรณีมีสัญชาติไทย

       โดยการแปลงสัญชาติมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี หรือเอกสารอื่นใด

       ที่ใช้ยืนยันแทนได้

(๔)  สำเนาใบเสร็จรับเงินค่าบำรุงพรรคการเมือง


การตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคการเมือง

- รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๙๖ มาตรา ๙๘

- พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา ๙ . มาตรา ๒๔


คุณสมบัติ

(๑) มีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปี

(๒) มีสัญชาติไทยโดยการเกิด ในกรณีเป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ

     ต้องได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี

ลักษณะต้องห้าม

(๓) ติดยาเสพติดให้โทษ

(๔) เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต

(๕) เป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช

(๖) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่

(๗) วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ

(๘) อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง

(๙) ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล

(๑๐) เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงสิบปีนับถึงวันเลือกตั้ง  เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ

(๑๑) เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ

(๑๒)   เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

(๑๓)   เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติดในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้ากฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนักกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมาย ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน

(๑๔) เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง

(๑๕) เป็นสมาชิกวุฒิสภาหรือเคยเป็นสมาชิกวุฒิสภา และสมาชิกภาพสิ้นสุดลงยังไม่เกินสองปี

(๑๖) เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระในการใช้งบประมาณรายจ่าย

(๑๗) อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

(๑๘) เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า มีการเสนอการแปรญัตติ   หรือการกระทำด้วยประการใดๆ ที่มีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือกรรมาธิการมีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย

(๑๙) เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ หรือกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่  หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืน  หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

(๒๐)  อยู่ในระหว่างถูกสั่งห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมือง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง

(๒๑)  ไม่เป็นสมาชิกของพรรคการเมืองอื่นหรือผู้ยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองอื่น หรือผู้แจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมืองอื่น


การจัดทำทะเบียนสมาชิกพรรคการเมือง

๑.   ให้หัวหน้าพรรคการเมืองแจ้งจำนวนสมาชิกที่แตกต่างจากที่ปรากฏในทะเบียนสมาชิกพรรคการเมืองให้นายทะเบียนพรรคการเมืองทราบ  ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้ใช้บังคับ

๒.  พรรคการเมืองที่ยังมีสมาชิกไม่ถึงห้าร้อยคน ก็ให้ดำเนินการจัดให้มีสมาชิกให้ครบห้าร้อยคนภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัติ  ประกอบรัฐธรรนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มีผลใช้บังคับ

๓.  จัดให้มีทุนประเดิมจำนวน ๑ ล้านบาท และแจ้งให้นายทะเบียนทราบ  ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หากมีเงินหรือทรัพย์สินอยู่แล้ว จะกันไว้เป็น  ทุนประเดิมก็ได้

๔.   จัดให้สมาชิกไม่น้อยกว่าห้าร้อยคน ชำระค่าบำรุงพรรคภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน และให้พรรคการเมืองแจ้งคณะกรรมการทราบพร้อมด้วยหลักฐานการชำระค่าบำรุงพรรคภายในสิบห้าวัน

๕.  จัดให้สมาชิกชำระค่าบำรุงพรรคให้ได้จำนวนไม่น้อยกว่าห้าพันคนภายในหนึ่งปี และให้ได้ไม่น้อยกว่าหนึ่งหมื่นคนภายในสี่ปี เมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว ให้สมาชิกภาพของสมาชิกที่มิได้ชำระค่าบำรุงพรรคเป็นอันสิ้นสุดลง

๖.  เมื่อพรรคได้รับสมัครสมาชิกเรียบร้อยแล้ว และนายทะเบียนสมาชิกพรรคการเมืองก็ได้ดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามแล้ว  ให้นายทะเบียนสมาชิกพรรคจัดทำทะเบียนสมาชิกพรรคให้ตรงตามความเป็นจริง ตามแบบ ท.พ.๑

๗.   ให้พรรคการเมืองเป็นผู้นำเข้าข้อมูลในระบบฐานข้อมูลพรรคการเมืองและให้พรรคการเมืองเก็บรักษาเอกสารและใบสมัครสมาชิกพรรคการเมืองไว้ ณ ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของพรรคการเมือง


การแจ้งจำนวนสมาชิกพรรคการเมือง

ในกรณีที่มีจำนวนสมาชิกพรรคการเมืองเพิ่มขึ้นหรือลดลง หรือในกรณีที่ไม่มีการเพิ่มขึ้นหรือดลง ให้หัวหน้าพรรคการเมืองแจ้งจำนวนสมาชิกนั้นในระบบอิเล็กทรอนิกส์ของสำนักงาน กกต. ต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองภายใน

วันที่สิบห้าของทุกสามเดือน โดยระยะเวลาการแจ้ง มีดังนี้

  ครั้งที่ ๑  ระหว่างวันที่ ๑ ม.ค. – ๓๑ มี.ค. แจ้งภายในวันที่ ๑๕ เม.ย.

  ครั้งที่ ๒  ระหว่างวันที่ ๑ เม.ย. – ๓๐ มิ.ย. แจ้งภายในวันที่ ๑๕ ก.ค.

  ครั้งที่ ๓  ระหว่างวันที่ ๑ ก.ค. – ๓๐ ก.ย. แจ้งภายในวันที่ ๑๕ ต.ค.

  ครั้งที่ ๔  ระหว่างวันที่ ๑ ต.ค. – ๓๑ ธ.ค. แจ้งภายในวันที่ ๑๕ ม.ค.

  ของปีถัดไป


ในการแจ้งจำนวนสมาชิกพรรคการเมืองที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงนั้น ให้ปฏิบัติดังนี้

๑.  ให้พรรคการเมืองนั้นจัดพิมพ์แบบหนังสือแจ้งข้อมูลสมาชิกที่พรรคการเมืองนำเข้าในระบบบริหารฐานข้อมูลพรรคการเมือง

๒.  แจ้งจำนวนสมาชิกพรรคการเมืองในรูปแบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ตามแบบ ดังนี้

  ๒.๑  แบบหนังสือแจ้งจำนวนสมาชิกพรรคการเมือง ตามแบบ ท.พ.๒

  ๒.๒  แบบแจ้งรายการสมาชิกพรรคการเมืองที่เพิ่มขึ้น ตามแบบ ท.พ.๒/๑

  ๒.๓  แบบแจ้งรายการสมาชิกพรรคการเมืองที่ลดลง ตามแบบ ท.พ.๒/๒

  โดยจัดพิมพ์และแจ้งจำนวนสมาชิกในระบบอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว ระหว่างวันที่ ๑ ถึงวันที่ ๑๕ ของทุกสามเดือน พร้อมสำเนาใบเสร็จรับเงินค่าบำรุงพรรคการเมือง (แบบ พ.ก. ๑๐)


การจัดเก็บค่าบำรุงพรรคการเมือง (แบบเก่า)

สำหรับปีแรกที่ พ.ร.ป. พรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มีผลบังคับใช้ในการเรียกเก็บค่าบำรุงพรรคการเมืองของสมาชิกพรรคการเมืองตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๐ จะชำระค่าบำรุงพรรคการเมืองต่ำกว่าอัตราที่กำหนด (๑๐๐ บาท) ก็ได้ แต่ต้องไม่น้อยกว่า ๕๐ บาท และต้องจัดให้มีสมาชิกไม่น้อยกว่า ๕๐๐ คน ชำระค่าบำรุงพรรคการเมืองภายใน ๑๘๐ วัน แต่หากยังค้างค่าบำรุงพรรคการเมืองสำหรับปีก่อนๆ อยู่จำนวนเท่าไรให้เป็นอันพับไป และภายใน ๑ ปี พรรคการเมืองต้องจัดให้สมาชิกชำระค่าบำรุงพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า ๕,๐๐๐ คน และเพิ่มเป็น ๑๐,๐๐๐ คน ภายใน ๔ ปี เมื่อพ้น ๔ ปี สมาชิกที่ไม่ชำระค่าบำรุงพรรคการเมืองต้องสิ้นสุดสมาชิกภาพลง


การจัดเก็บค่าบำรุงพรรคการเมือง (แบบใหม่)

สมาชิกพรรคการเมืองตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ จะต้องชำระค่าบำรุงพรรคการเมือง ไม่น้อยกว่า ๑๐๐ บาทต่อปี และถ้าไม่จ่ายค่าบำรุงพรรคการเมืองติดต่อกันสองปี ก็จะสิ้นสมาชิกภาพของสมาชิกพรรคการเมืองได้ ทั้งนี้ พรรคการเมืองอาจเก็บค่าบำรุงพรรคการเมืองจากสมาชิกแบบตลอดชีพตามอัตราที่กำหนดในข้อบังคับก็ได้ แต่ต้องไม่น้อยกว่า ๒,๐๐๐ บาท


การขอตรวจสอบการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง

๑.   บุคคลทั่วไป  จะตรวจสอบได้เฉพาะของตนเองเท่านั้น โดยจะต้องกรอกแบบฟอร์มตามที่สำนักงานกำหนด พร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชนของผู้ขอตรวจสอบ โดยยื่นคำขอพร้อมหลักฐานเอกสารต่อ ลธ.กกต.

๒.  หน่วยงานหรือองค์กรภายนอก ต้องมีหนังสือขอตรวจสอบการเป็นสมาชิก โดยหัวหน้าของหน่วยงานหรือองค์กรนั้นเป็นผู้ลงนามในหนังสือ

๓.  หน่วยงานภายในสำนักงานให้ผอ.สำนักหรือเทียบเท่าเป็นผู้ลงนามในคำขอตรวจสอบ

  กรณีสนง.กกต.จว. หรือ กทม. ให้ผอ.กต.จว.นั้นๆ เป็นผู้ลงนามในคำขอตรวจสอบ